25 ประโยชน์และสรรพคุณของเชอรี่ รวมถึงสายพันธุ์และเรื่องที่ควรรู้

เชอร์รี่ ผลไม้สีแดงบ้าง สีแดง-ทองบ้าง เป็นผลไม้ลูกกลมๆ ที่เต็มไปด้วยความหวานที่มีชีวิตชีวา เป็นที่ชื่นชอบของต่อมรับรสและถูกนำมาสร้างสรรค์เมนูอาหารมากมายนานหลายศตวรรษ นอกเหนือจากรสชาติอันน่ารื่นรมย์แล้ว เชอร์รี่ยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประโยชน์ทางโภชนาการที่หลากหลาย และการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายทั้งในบริบทด้านอาหารและวัฒนธรรม ในบทความนี้จึงขอนำทุกคนไปดูต้นกำเนิด สายพันธุ์ ประโยชน์ต่อสุขภาพ และสรรพพคุณที่หลากหลายของเชอร์รี่

ประวัติศาสตร์เชอรี่

มนุษย์ชื่นชอบเชอร์รี่มานานนับพันปี ประวัติความเป็นมาของการเพาะปลูกมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีหลักฐานการบริโภคที่พบในแหล่งโบราณคดีทั่วยุโรปและเอเชีย เชื่อกันว่าเชอร์รี่มีต้นกำเนิดในภูมิภาคที่ครอบคลุมทะเลแคสเปียนและทะเลดำ และแพร่กระจายโดยนกและสัตว์อื่นๆ

ชาวกรีกและโรมันโบราณนับถือเชอร์รี่ในเรื่องความหวาน โดยใช้เป็นอาหารและยา ชาวจีนยอมรับเชอร์รี่เนื่องจากมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและรวมเข้ากับศิลปะพื้นบ้านและศิลปะพื้นบ้าน

สายพันธุ์ของเชอรี่

เชอร์รี่มีหลายสายพันธุ์ โดยแต่ละพันธุ์ก็มีลักษณะเฉพาะและรสชาติที่แตกต่างกันไป เชอร์รี่แบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หหลักๆ คือเชอร์รี่หวาน (Prunus avium) และเชอร์รี่เปรี้ยว (Prunus cerasus) เชอร์รี่หวานเป็นเชอรี่ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย โดยมีรสชาติที่หอมหวานและชุ่มฉ่ำ เชอร์รี่หวานบางพันธุ์ยอดนิยม ได้แก่ Bing, Rainier และ Lambert

ในทางกลับกัน เชอร์รี่เปรี้ยวมักจะมีขนาดเล็กกว่าและมีรสเปรี้ยวมากกว่า มักใช้ในการปรุงอาหารและการอบขนม เนื่องจากความฝาดเผ็ดร้อนแสบลิ้นของพวกมันช่วยเพิ่มมิติอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับอาหาร เช่นเชอร์รี่ Montmorency และ Morello เป็นเชอร์รี่พันธุ์เปรี้ยวที่รู้จักกันดี

เชอรี่ 1 ลูกให้พลังงานกี่แคลอรี่ ?

ปริมาณแคลอรี่ของเชอร์รี่ 1 ผลอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับขนาดและสายพันธุ์ของเชอร์รี่ โดยเฉลี่ยแล้วเชอร์รี่หวานลูกหนึ่งมีแคลอรี่ประมาณ 5 – 6 แคลอรี่ โปรดทราบว่าการนับแคลอรี่นี้ขึ้นอยู่กับเชอร์รี่สดดิบที่ไม่มีเมล็ด หากคุณบริโภคเชอร์รี่ที่ผ่านการแปรรูป เช่น แห้งหรืออยู่ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์อื่นๆ (เช่น น้ำผลไม้หรือแยม) ปริมาณแคลอรี่อาจแตกต่างกันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำและความเข้มข้น

ประโยชน์และสรรพคุณทางโภชนาการของเชอรี่

นอกเหนือจากรสชาติอันแสนอร่อยแล้ว เชอร์รี่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย เชอรี่เป็นแหล่งอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนดีต่อสุขภาพ เชอร์รี่เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีสารแอนโทไซยานินในปริมาณสูง ซึ่งให้สีที่สดใสและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพต่างๆ ซึ่งประโยชน์ของเชอร์รี่ ได้แก่ :

1. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ: เชอร์รี่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานินและเควอซิทิน ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และอาจลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
2. คุณสมบัติต้านการอักเสบ: เชอร์รี่มีสารประกอบที่สามารถช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาจบรรเทาอาการต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบและโรคอักเสบได้
3. บำรุงหัวใจ: โพแทสเซียมและไฟเบอร์ในเชอร์รี่มีส่วนดีต่อสุขภาพของหัวใจโดยช่วยควบคุมความดันโลหิตและระดับคอเลสเตอรอล
4. การป้องกันมะเร็ง: การศึกษาบางชิ้นงานชี้ให้เห็นว่าสารต้านอนุมูลอิสระในเชอร์รี่อาจมีคุณสมบัติในการต่อสู้กับมะเร็งโดยการยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งและป้องกันความเสียหายของ DNA
5. การนอนหลับดีขึ้น: เชอร์รี่มีเมลาโทนินตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ทำให้สามารถช่วยผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับได้
6. การฟื้นฟูกล้ามเนื้อ: คุณสมบัติต้านการอักเสบของเชอร์รี่อาจช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อและช่วยในการฟื้นตัวหลังการออกกำลังกาย
7. การจัดการน้ำหนัก: เชอร์รี่มีแคลอรี่ค่อนข้างต่ำและมีเส้นใยสูง ทำให้เป็นของว่างที่น่าพึงพอใจและมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
8. บำรุงลำไส้: ปริมาณเส้นใยในเชอร์รี่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารมีสุขภาพดีและสามารถส่งเสริมไมโครไบโอมในลำไส้ให้สมดุล
9. บำรุงกระดูก: เชอร์รี่มีสารอาหารเช่นแคลเซียม แมกนีเซียม และวิตามินเค ซึ่งมีบทบาทในการรักษากระดูกให้แข็งแรง
10. บำรุงผิว: สารต้านอนุมูลอิสระในเชอร์รี่สามารถช่วยต่อต้านความชราของผิวโดยการป้องกันความเสียหายจากออกซิเดชันที่เกิดจากรังสียูวีและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
11. บำรุงตา: แคโรทีนอยด์ที่มีอยู่ในเชอร์รี่ เช่น เบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสุขภาพดวงตาและอาจลดความเสี่ยงของการจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ
12. การจัดการโรคเบาหวาน: เชอร์รี่มีดัชนีน้ำตาลในเลือดค่อนข้างต่ำและสามารถรวมอยู่ในอาหารที่สมดุลสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน
13. การทำงานของสมอง: สารต้านอนุมูลอิสระในเชอร์รี่อาจช่วยปกป้องเซลล์สมองจากความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น และมีส่วนดีต่อสุขภาพทางการรับรู้
14. ความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหลอดเลือดสมอง: การบริโภคเชอร์รี่เป็นประจำมีความเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองเนื่องจากเชอรี่มีความสามารถในการบำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
15. คุณสมบัติต่อต้านวัย: ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระของเชอร์รี่สามารถช่วยป้องกันริ้วรอยก่อนวัยได้โดยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังและริ้วรอย
16. ลดความเสี่ยงของโรคเกาต์: การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่าการบริโภคเชอร์รี่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกาต์ได้โดยการลดระดับกรดยูริกในร่างกาย
17. บำรุงผม: วิตามินและแร่ธาตุในเชอร์รี่ เช่น วิตามินเอ และไบโอติน มีส่วนช่วยให้เส้นผมแข็งแรงและเป็นเงางาม
18. บำรุงทางเดินอาหาร: ปริมาณเส้นใยอาหารของเชอร์รี่ส่งเสริมการย่อยอาหารที่ดีต่อสุขภาพโดยป้องกันอาการท้องผูกและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของลำไส้เป็นประจำ
19. การสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน: ปริมาณวิตามินซีในเชอร์รี่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ
20. การควบคุมน้ำตาลในเลือด: ปริมาณเส้นใยของเชอร์รี่สามารถชะลอการดูดซึมน้ำตาล ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
21. อาการปวดกล้ามเนื้อลดลง: การบริโภคน้ำทาร์ตเชอร์รี่ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อและความรุนแรงของนักกีฬาหลังออกกำลังกายอย่างหนัก
22. บำรุงข้อต่อ: คุณสมบัติต้านการอักเสบของเชอร์รี่อาจช่วยให้สุขภาพข้อต่อดีขึ้นและลดอาการข้ออักเสบได้
23. บรรเทาอาการภูมิแพ้: Quercetin ที่พบในเชอร์รี่ มีคุณสมบัติต้านฮีสตามีนที่อาจช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้
24. บำรุงปอด: สารต้านอนุมูลอิสระในเชอร์รี่สามารถปกป้องเซลล์ปอดจากความเสียหายที่เกิดจากมลพิษและควันบุหรี่
25. ความสมดุลของฮอร์โมน: เมลาโทนินในเชอร์รี่อาจส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนและความเป็นอยู่โดยรวม

คุณค่าทางโภชนาการของเชอร์รี่หวาน

คุณค่าทางโภชนาการของเชอร์รี่เปรี๊ยว

Daily Value (DV) = ปริมาณแนะนำต่อวัน

การนำเชอรี่ไปทำอาหาร

ความอเนกประสงค์ของเชอร์รี่มีมากกว่าเป็นแค่ของว่างเท่านั้น เชอรี่เป็นส่วนผสมที่ขึ้นชื่อทั้งในอาหารคาวหวานและเครื่องดื่ม และด้านล่างนี้เป็นเพียงไม่กี่วิธีที่เชอร์รี่สามารถยกระดับการสร้างสรรค์อาหารของคุณได้:

• ขนมอบ: เชอร์รี่เป็นที่นิยมในพาย ทาร์ต และเค้ก ทั้งแบบไส้และเป็นท็อปปิ้ง การผสมผสานระหว่างรสชาติหวานและรสเปรี้ยวช่วยเพิ่มความลึกให้กับขนมอบได้ดี
• ซอสและเครื่องปรุงรส: เชอร์รี่สามารถเปลี่ยนเป็นซอสและผลไม้แช่อิ่มแสนอร่อยที่เข้าคู่กับเนื้อสัตว์ และแม้แต่ชีสได้อย่างลงตัว
• เครื่องดื่ม: เราอาจได้ยินน้ำมะนาวเชอร์รี่ไปจนถึงค็อกเทลผสมเชอร์รี่กันมาบ้าง ความหวานตามธรรมชาติของพวกมันช่วยเพิ่มรสชาติอันน่าประทับใจ
• สลัด: ใส่เชอร์รี่ลงในสลัดเพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติ การผสมผสานระหว่างเชอร์รี่หวานกับผักใบเขียว ถั่ว และชีสทำให้เกิดอาหารที่สมดุลและน่าดึงดูด

ความสำคัญทางวัฒนธรรมของเชอรี่

เชอร์รี่ได้ถักทอตัวเองเป็นเรื่องเล่าทางวัฒนธรรมทั่วโลก ในบางวัฒนธรรม เชอร์รี่เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ โชคลาภ และการฟื้นตัว มักปรากฏในเทศกาล งานเฉลิมฉลอง และงานศิลปะ ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ในสังคมต่างๆ

ตัวอย่างเช่น ดอกซากุระ (ตระกูลเดียวกับเชอรี่) มีความสำคัญทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งในญี่ปุ่น ซึ่งมีการเฉลิมฉลองการบานของต้นซากุระประจำปีที่เรียกว่า “ซากุระ” ด้วยการรวมตัวของฮานามิ (ชมดอกไม้) ประเพณีนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับงานศิลปะ บทกวี และความรู้สึกซาบซึ้งต่อความงดงามอันชั่วขณะของชีวิต

การเก็บรักษา

ฤดูการเจริญเติบโตสั้นๆ ของเชอร์รี่ได้นำไปสู่การพัฒนาวิธีการเก็บรักษาที่หลากหลายเพื่อให้เพลิดเพลินกับรสชาติได้ตลอดทั้งปี การบรรจุกระป๋อง การอบแห้ง และการแช่แข็งเป็นเทคนิคทั่วไปในการล็อครสชาติและคุณประโยชน์ทางโภชนาการของเชอร์รี่ที่อยู่นอกกรอบเวลาเก็บเกี่ยวตามธรรมชาติ

เชอร์รี่เป็นมากกว่าผลไม้แสนอร่อย แต่ยังเป็นหน้าต่างสู่ประวัติศาสตร์ แหล่งโภชนาการ วัตถุดิบทำอาหาร และสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม ตั้งแต่อารยธรรมโบราณไปจนถึงห้องครัวยุคใหม่ ในขณะที่เรากำลังดื่มด่ำกับรสชาติของเชอร์รี่ ลองนึกถึงการเดินทางที่ผลไม้เล็กๆ เหล่านี้ได้ผ่านกาลเวลาและข้ามทวีปเพื่อมารับประทานบนโต๊ะของเราและทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น หากใครต้องการสั่งเชอรี่สามารถติดต่อเราผ่านไลน์ด้านล่างนี้ได้เลย